วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2561

โรคไวรัสตับอักเสบบี

หยุดไวรัสตับอักเสบบี 

ก่อน "มะเร็งตับ" จะมาเคาะประตูบ้าน




2      โรคไวรัสตับอักเสบบี  คืออะไร

โรคไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B) คือ การอักเสบของเซลล์ตับ ที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี  (HBV)  การอักเสบจะทำให้เซลล์ตับตาย หากเป็นเรื้อรังจะเกิดพังผืด  ตับแข็ง และมะเร็งตับได้

เชื้อไวรัสตับอักเสบแบ่งเป็นหลายกลุ่ม คือ เอ บี ซี ดี และ อี สำหรับเชื้อไวรัสตับอักเสบบี เป็นชนิดที่พบบ่อยและเป็นปัญหาสำคัญของระบบสาธารณสุขในประเทศไทย

การติดต่อ
โรคไวรัสตับอักเสบบี เป็นโรคที่ติดต่อจากคนสู่คนผ่านช่องทางต่างๆ ดังนี้                           
1. ติดต่อผ่านการรับเลือด
(ปัจจุบันพบน้อยมาก เนื่องจากเทคโนโลยีในปัจจุบันสามารถคัดกรองเลือดที่มีเชื้อโรคปนเปื้อนได้เกือบทั้งหมด)
2. ติดต่อทางการสัก การเจาะหู ด้วยเครื่องมือทีไม่สะอาด
3. ติดต่อทางเพศสัมพันธ์
4. ติดต่อจากแม่สู่ลูก

อาการ
ผู้ป่วยส่วนมากมักไม่มีอาการ บางรายอาจมีอาการอ่อนเพลีย หรือเบื่ออาหารได้ สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการจะแสดงอาการ ดังนี้
1. อาการระยะเฉียบพลัน ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการภายใน 1-4 เดือนหลังติดเชื้อ ดังนี้
· อาการไข้ ตัวเหลืองตาเหลือง ปวดท้องใต้ชายโครงขวา              
· อาการอื่นๆ ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย   ผื่น  ปวดข้อ
· ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการรุนแรง เกิดจากเซลล์ตับ ถูกทำลายจ านวนมาก ในกรณีนี้อาจทำให้เกิดอาการตับวายได้ อาการตับอักเสบระยะเฉียบพลันจะดีขึ้น
ใน 1-4 สัปดาห์  และหายเป็นปกติเมื่อร่างกายสามารถกำจัดและควบคุมเชื้อไวรัสตับอักเสบได้ ซึ่งมักใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือน แต่ผู้ป่วยส่วนน้อย (5-10%) ไม่สามารถกำจัดเชื้อออกจากางกายได้หมด ทำให้ผู้ป่วยมีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี เรื้อรัง

2.อาการระยะเรื้อรัง การติดเชื้อแบบเรื้อรังพบบ่อยในเด็กที่ติดเชื้อตั้งแต่แรกเกิด แบ่งเป็นผู้ป่วยได้ 2 กลุ่ม คือ 
2.1 พาหะ (Carrier) คือ ผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ในร่างกายซึ่งไม่แสดงอาการแต่ยังสามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้ผลการตรวจเลือดพบค่าการทำงานของตับอยู่ในเกณฑ์ปกติ                                
2.2 กลุ่มตับอักเสบเรื้อรัง (Chronic hepatitis) คือ  ผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสตับเสบบีในร่างกาย และตรวจเลือดพบค่าการทำงานของตับผิดปกติ

การวินิจฉัยโรคเจาะเลือดตรวจค่าการทำงานของตับ (Liver function test) และตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบี มีการตรวจ ดังนี้

HBsAg: ผลบวก แปลว่า ผู้ป่วยกำลังติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
Anti - HBs: ผลบวก แปลว่า ผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบบี โดยภูมิคุ้มกันจะเกิดขึ้นเมื่อผู้ป่วยได้รับการฉีดวัคซีน หรือเคยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบและหายจากโรคแล้ว

1. การรักษาในระยะเฉียบพลัน รักษาตามอาการเท่านั้น ผู้ป่วยส่วนมาก (ประมาณ 95%)
สามารถสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อและหายจากโรคได้เอง
2. การรักษาในระยะเรื้อรัง การรักษาในปัจจุบัน ได้แก่ ยาต้านไวรัส การฉีดอินเตอร์เฟียรอน
แอลฟ่า (Interferon-Alpha) การผ่าตัดเปลี่ยนตับ


2 ความคิดเห็น:

  1. ผมออกไปข้างนอกแล้วกับมาตาขาวมีสีเหลืองทะงหมดเกิดจากอะไรครับ

    ตอบลบ
  2. แล้วศูนย์ภูมิบำบัดจะจัดการกะไวรัสตับอักเสบบีอย่างไร ขอบคุนฮะ

    ตอบลบ