หยุดไวรัสตับอักเสบบี
ก่อน "มะเร็งตับ" จะมาเคาะประตูบ้าน
2 โรคไวรัสตับอักเสบบี คืออะไร
โรคไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B)
คือ การอักเสบของเซลล์ตับ ที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (HBV) การอักเสบจะทำให้เซลล์ตับตาย
หากเป็นเรื้อรังจะเกิดพังผืด ตับแข็ง และมะเร็งตับได้
เชื้อไวรัสตับอักเสบแบ่งเป็นหลายกลุ่ม คือ เอ บี
ซี ดี และ อี สำหรับเชื้อไวรัสตับอักเสบบี เป็นชนิดที่พบบ่อยและเป็นปัญหาสำคัญของระบบสาธารณสุขในประเทศไทย
การติดต่อ
โรคไวรัสตับอักเสบบี เป็นโรคที่ติดต่อจากคนสู่คนผ่านช่องทางต่างๆ
ดังนี้
1. ติดต่อผ่านการรับเลือด
(ปัจจุบันพบน้อยมาก เนื่องจากเทคโนโลยีในปัจจุบันสามารถคัดกรองเลือดที่มีเชื้อโรคปนเปื้อนได้เกือบทั้งหมด)
2. ติดต่อทางการสัก การเจาะหู ด้วยเครื่องมือทีไม่สะอาด
3. ติดต่อทางเพศสัมพันธ์
4. ติดต่อจากแม่สู่ลูก
อาการ
ผู้ป่วยส่วนมากมักไม่มีอาการ
บางรายอาจมีอาการอ่อนเพลีย หรือเบื่ออาหารได้ สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการจะแสดงอาการ
ดังนี้
1. อาการระยะเฉียบพลัน ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการภายใน
1-4 เดือนหลังติดเชื้อ ดังนี้
· อาการไข้ ตัวเหลืองตาเหลือง ปวดท้องใต้ชายโครงขวา
· อาการอื่นๆ ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ผื่น ปวดข้อ
· ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการรุนแรง เกิดจากเซลล์ตับ ถูกทำลายจ านวนมาก
ในกรณีนี้อาจทำให้เกิดอาการตับวายได้ อาการตับอักเสบระยะเฉียบพลันจะดีขึ้น
ใน 1-4 สัปดาห์ และหายเป็นปกติเมื่อร่างกายสามารถกำจัดและควบคุมเชื้อไวรัสตับอักเสบได้
ซึ่งมักใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือน แต่ผู้ป่วยส่วนน้อย (5-10%)
ไม่สามารถกำจัดเชื้อออกจากางกายได้หมด ทำให้ผู้ป่วยมีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
เรื้อรัง
2.อาการระยะเรื้อรัง
การติดเชื้อแบบเรื้อรังพบบ่อยในเด็กที่ติดเชื้อตั้งแต่แรกเกิด แบ่งเป็นผู้ป่วยได้ 2
กลุ่ม คือ
2.1 พาหะ (Carrier) คือ
ผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ในร่างกายซึ่งไม่แสดงอาการแต่ยังสามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้ผลการตรวจเลือดพบค่าการทำงานของตับอยู่ในเกณฑ์ปกติ
2.2 กลุ่มตับอักเสบเรื้อรัง (Chronic hepatitis)
คือ ผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสตับเสบบีในร่างกาย
และตรวจเลือดพบค่าการทำงานของตับผิดปกติ
การวินิจฉัยโรคเจาะเลือดตรวจค่าการทำงานของตับ (Liver
function test) และตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบี มีการตรวจ ดังนี้
HBsAg: ผลบวก แปลว่า ผู้ป่วยกำลังติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
Anti - HBs: ผลบวก แปลว่า
ผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบบี โดยภูมิคุ้มกันจะเกิดขึ้นเมื่อผู้ป่วยได้รับการฉีดวัคซีน
หรือเคยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบและหายจากโรคแล้ว
1. การรักษาในระยะเฉียบพลัน รักษาตามอาการเท่านั้น
ผู้ป่วยส่วนมาก (ประมาณ 95%)
สามารถสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อและหายจากโรคได้เอง
2. การรักษาในระยะเรื้อรัง การรักษาในปัจจุบัน ได้แก่ ยาต้านไวรัส
การฉีดอินเตอร์เฟียรอน
แอลฟ่า (Interferon-Alpha)
การผ่าตัดเปลี่ยนตับ
ผมออกไปข้างนอกแล้วกับมาตาขาวมีสีเหลืองทะงหมดเกิดจากอะไรครับ
ตอบลบแล้วศูนย์ภูมิบำบัดจะจัดการกะไวรัสตับอักเสบบีอย่างไร ขอบคุนฮะ
ตอบลบ